สำหรับในยุคนี้การติดกล้องหน้ารถ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากกล้องติดรถยนต์ จะช่วยบันทึกเหตุการณ์บนท้องถนนที่เราคาดไม่ถึงได้แล้ว ก็ยังสามารถลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ได้อีกด้วย เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับประกันภัยการบังคับ ได้ออกคำสั่งให้บริษัทประกันนั้นออกส่วนลด 5-10% ให้กับยานพาหนะที่ติดกล้องหน้ารถ
หลายคนยังสนใจ บทความน่ารู้เพิ่มเติม
นั่นจึงทำให้กล้องติดหน้ารถยนต์เป็นที่นิยมอย่างมาก แต่ทั้งนี้แล้ว กล้องติดหน้ารถก็มีกันอยู่หลายประเภท หลายรูปแบบ ดังนั้นแล้ววันนี้เราจะมาบอกวิธีเทคนิคการเลือกติดกล้องหน้ารถกันครับ
9 ข้อควรรู้ก่อนการติดกล้องหน้ารถ
โดยในวันนี้เราได้รวบรวมเทคนิควิธีการเลือกกล้องหน้ารถให้สามารถใช้งานได้จริงและคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เพื่อให้ผู้ที่สนใจและกำลังจะติดตั้งได้อ่านเพื่อประกอบการตัดสินใจ นั่นเอง ซึ่งเราได้รวบรวมมาทั้งหมด 9 ข้อ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
-
ความคมชัดของวิดีโอในการบันทึก
ความคมชัดของกล้องหน้ารถ ถือเป็นสิ่งแรกที่เราจะต้องคำนึกและดูก่อนเป็นอย่างแรก เพราะการที่วิดีโอของเรามีความคมชัดนั้น จะทำให้เมื่อเกิดปัญหาหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น สามารถนำวิดิโอที่มีรายละเอียดสูงไปใช้ได้นั่นเอง
โดยมาตรฐานความคมชัดของกล้องหน้ารถควรอยู่ที่ ระดับ FULL HD (1080p) หรือ HD Ready (720p) เป็นอย่างต่ำ และสิ่งที่สำคัญเช่นกันก็คือ ชิปประมวลผล เพราะชิปประมวลผลเป็นตัวสำคัญที่จะทำให้วิดีโอของเรานั้นคมชัดได้
ถึงแม้ว่าการบันทึกวิดิโอด้วยความคมชัดระดับ HD อาจจะต้องใช้ Memory Card ที่มีความจุสูง แต่รับรองว่าการที่มีภาพชัดกว่าคุ้มค่ากับการซื้อเมมสูงๆแน่นอน
-
เลือกกล้องที่มีค่า FPS สูง เพื่อภาพที่สมจริง
ค่า FPS หรือ Frame Per Second คือ หน่วยวัดความเคลื่อนไหวในกล้องวิดีโอต่อ 1 นาที และเพื่อให้ภาพจากกล้องหน้ารถดูสมจริงและใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่กระตุก หรือเวลาขับรถด้วยความเร็วสูงๆ จะได้จับรายละเอียดของเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี
เราควรเลือกกล้องที่มีค่า FPS สูง เพราะยิ่งสูงก็จะยิ่งได้ภาพที่คมชัดและมีความสมูธมากขึ้น แต่ทั้งนี้แล้วค่า FPS เราควรจะตั้งค่า ไม่ควรสูงเกิน 30 FPS เพราะถ้าสูงกว่านั้นอาจจะทำให้กินพื้นที่ในการจัดเก็บได้ แต่ค่า FPS ก็ไม่น้อยกว่า 25 FPS ด้วยเช่นเดียวกัน
-
สามารถถ่ายในที่มืดหรือแสงน้อยได้
ความสามารถในการถ่ายในที่มืดถือเป็นสิ่งที่ความจำเป็นเหมือนกัน เพราะเราไม่ได้เดินทางแค่ในตอนกลางวันเท่านั้น อีกทั้งเกิดต่างๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอด โดยเฉพาะเวลากลางคืนที่แสงสว่างน้อย โอกาสเกิดอุบัติเหตุย่อมสูงกว่าด้วยเช่นกัน
ดังนั้นแล้วจึงควรเลือกกล้องที่มีความสามารถในการบันทึกในช่วงเวลากลางคืนหรือแสงน้อยได้ โดยกล้องที่มีราคาไม่แพงมากก็จะเป็นการใช้อินฟราเรดซึ่งเป็นระดับพื้นฐาน
แต่ทั้งนี้แล้วถ้าจะให้จับภาพตอนกลางคืนได้ดีกว่านั้น ก็ควรเลือกกล้องหน้ารถที่มี WDR ( Wide Dynamic Range ) ด้วย ซึ่งคุณสมบัติ WDR เป็นตัวฟังก์ชันที่อยู่ในกล้องวงจรปิดที่ติดตามบ้าน อาคาร สำนักงาน นั่นเอง
ทำให้กล้องหน้ารถนั้น สามารถบันทึกในเวลากลางคืนได้ และยังช่วยลดแสงบนท้องถนนได้เป็นอย่างดี ทำให้ภาพมีความละเอียดและคมชัดแม้จะอยู่ในที่ที่มีแสงน้อย
-
มุมกล้องที่สามารถใช้งานได้จริง
โดยการจะเลือกกล้องนั้น ต้องเลือกกล้องที่เป็นเลนส์แบบ Fish Eye 180 องศา หรือเป็นเลนส์ Wide หรือเลนมุมกว้าง โดยจะได้ภาพที่นูนออกมาเพื่อเก็บภาพได้ทั้งด้านข้างซ้ายและขวา ข้างบนกับข้างล่างและภาพข้างหน้าจะต้องคมชัด เพราะการที่มุมกล้องแคบไปก็จะเก็บด้านข้างซ้าย ขวา ไม่หมด ทำให้เก็บรายละเอียดเหตุการณ์ได้เฉพาะด้านหน้าเท่านั้น
-
ค่ารูรับแสงที่เหมาะสม (F)
รูรับแสง หรือ Lens Aperture จะเป็นตัวที่คอบควบคุมแสงที่ผ่านเข้าสู่กล้อง โดยมีหน่วยเป็น “F” ถ้าใครถ่ายกล้อง DSLR ก็จะคุ้นเคยกัน ซึ่งช่างภาพก็จะเรียกค่ารูรับแสงกันว่า “ค่า F/Stop” ซึ่งยิ่งน้อย ก็จะยิ่งทำให้การถ่ายรูปหน้าชัด หลังเบลอ แต่ในกล้องหน้ารถ เราไม่ต้องการเช่นนั้น เราต้องการให้ถ่ายภาพออกมาได้รายละเอียดระยะไกลมากกว่า
ถ้าตัวเลขในค่า F น้อยจะทำให้รูรับแสงกว้าง แสงเข้าได้มากทำให้ได้ภาพโฟกัสเด่นที่สุดแต่ระยะภาพจะไม่ค่อยชัด แต่ถ้าค่า F มาก จะทำให้รูรับแสงแคบลงและแสงเข้าได้น้อย ทำให้ได้ภาพคมชัดทั้งหมด ซึ่งเหมาะกับการใช้งานของกล้องหน้ารถมากกว่า
-
มีระบบล็อคไฟล์ขณะรถมีแรงกระแทก
โดยระบบตรวจจับแรงกระแทก หรือ G-sensor นั้น จะทำหน้าที่ในการจับภาพขณะที่รถกำลังสั่นหรือมีแรงกระแทก เพื่อทำการล็อคไฟล์ที่บันทึกในเวลาขณะนั้นแยกออกมาเป็นไฟล์พิเศษต่างหาก เพราะช่วงเวลาที่รถมีการสั่นหรือกระแทก อาจจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญหรือช่วงที่เกิดอุบัติเหตุพอดี
อีกทั้งยังไม่ให้เกิดการบันทึกซ้ำในขณะที่เมมเต็ม ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ง่ายขึ้น ช่วงเวลาสำคัญไม่ถูกลบหายไปตามกาลเวลา
- แบตเตอรี่กล้องเป็นแบบไหน
แบตเตอรี่กล้องหน้ารถจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 แบบ คือ
1. กล้องหน้ารถแบบที่มีแบตเตอรี่ติดตัวกล้องมาเลยซึ่งจะใช้งานได้ง่ายเพราะไม่ต้องใช้ต่อไฟจากที่จุดบุหรี่ ทำให้สะดวกเป็นอย่างมาก แต่ก็จะกินไฟตลอดเวลา
2. กล้องหน้ารถอีกแบบหนึ่งก็คือ คาปาซิเตอร์ เป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้า ทำหน้าที่เหมือนเป็นแบตสำรองโดยจะค่อยๆ ปล่อยกระแสไฟช้าๆ เพื่อให้สามารถบันทึกภาพได้เสร็จสมบูรณ์ในขณะที่ดับเครื่องก็จะไม่สามารถใช้งานได้
ซึ่งจะทำให้แบตไม่เสื่อม ไม่บวม และใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งกล้องหน้ารถส่วนใหญ่ในตอนนี้จะมีรุ่นคาปาซิเตอร์มากกว่าแบบแบตเตอรี่ในตัวแล้ว
-
มีการรับประกันกล้องหน้ารถ
กล้องติดรถยนต์ทุกชนิดควรมีใบรับประกันสินค้า รับประกันคุณภาพของกล้องได้เป็นอย่างดี สามารถเคลมได้ง่าย เราไม่ได้ติดกล้องหน้ารถกันบ่อยๆ ดังนั้นแล้วหากมองว่าถือเป็นการลงทุนที่ดีก็ควรเลือกกล้องหน้ารถที่มีประกัน
-
ศึกษาจากการดูรีวิว
โดยก่อนที่จะทำการตัดสินใจซื้อหล้องหน้ารถซักตัวนั้น ควรที่จะมีการพิจารณาให้ดีก่อน โดยอาจจะดูจากบนแพลตฟอร์มต่างๆ โดยการนำรุ่นที่เราต้องการไปค้นหาวิดีโอที่มีคนทำการรีวิวได้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
แต่ทั้งนี้แล้วบางคนก็จะมีการรีวิวเกินจริงไปบ้าง เพราะมีค่า Sponsor ดังนั้นแล้วควรที่จะไปดูตัวอย่างของจริงด้วยตัวเองจะดีที่สุด
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการยกข้อสังเกตุหลักๆ ที่คุณควรจะทำการพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจที่ซื้อกล้องมาติด
หลายคนยังสนใจข้อมูลเพิ่มเติม : กล้องติดรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี?
สนใจติดฟิล์มรถยนต์หลากหลายยี่ห้อ โทรเลย
บทความน่ารู้อื่นๆเพิ่มเติม
- วิธีติดฟิล์มรถยนต์ ด้วยตนเอง (ไม่ต้องง้อช่าง)
- แนะนำรถยนต์ราคาถูก 9 รุ่นอัปเดตปี 2566 (ผ่อนสบายชัวร์)
- How to ระบายความร้อนในรถ เมื่อต้องจอดกลางแดดนาน ๆ
- เลือกยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี (2023) เทียบ 5 ยี่ดังในไทย ไม่แอบ tie-in !
- Easy Pass ระบบนี้คืออะไร (สมัครดีหรือไม่) บทความนี้มีเฉลย
- รถยนต์ไฟฟ้า Tesla BYD ติดฟิล์มแบบไหนดี?(แนะนำ3รุ่นยอดนิยม)
- แนะนำฟิล์มกรองแสงSolarGard ฟิล์มรถยนต์ระดับโลก
- แอร์รถยนต์ไม่เย็น มีแต่ลม เป็นเพราะอะไร? แก้ไขอย่างไร(ง่ายๆ)
- น้ำยาเคลือบกระจกรถยนต์ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมปี 2023
- แบตเตอรี่รถยนต์ ยี่ห้อไหนดี? เทคนิคการเลือก