สำหรับคนที่ใช้รถยนต์เป็นประจำ การนำรถไปจอดในห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่สาธารณะมักหลีกเลี่ยงไม่ได้ และแม้จะจอดในที่ถูกต้อง ก็อาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น รถถูกขูดสี หรือมีรอยขีดข่วนจากบุคคลที่ไม่รับผิดชอบ แล้วในกรณีแบบนี้ ประกันรถยนต์จะช่วยอะไรเราได้บ้าง
บทความนี้จะอธิบายชัดเจนว่า “ประกันแบบไหนคุ้มครอง และต้องทำอย่างไรเมื่อเจอเหตุการณ์นี้”
ประกันรถยนต์แบบไหนคุ้มครองกรณีถูกขูดสี
- ประกันชั้น 1 ประกันชั้น 1 คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์จากทุกกรณี ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ รวมถึงรอยขูดสี รอยขีดข่วน หรือถูกทำลายโดยเจตนา ดังนั้น หากรถถูกขูดสีในที่จอดห้าง แล้วไม่ทราบว่าใครทำ ประกันชั้น 1 สามารถเคลมได้ตามเงื่อนไขกรมธรรม์
- ประกันชั้นอื่น (ชั้น 2+, 3+, ชั้น 3)
- ชั้น 2+ และ 3+คุ้มครองตัวรถในกรณี “ชนกับยานพาหนะทางบก” เท่านั้น หากรถถูกขูดโดยไม่มีคู่กรณี หรือเป็นการกระทำโดยบุคคลทั่วไป จะไม่อยู่ในความคุ้มครอง
- ชั้น 3ไม่คุ้มครองตัวรถเลย ไม่สามารถเคลมรอยขูดสีได้
ต้องทำอย่างไรเมื่อพบว่ารถถูกขูดสี
- ถ่ายรูปความเสียหายทันทีถ่ายภาพรอยขูดสีโดยละเอียด พร้อมภาพมุมกว้างของจุดจอดรถ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการแจ้งเคลม
- แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างขอหลักฐานจากกล้องวงจรปิด (CCTV) หรือใบรับรองเหตุการณ์ เพื่อใช้ประกอบการเคลม
- โทรแจ้งบริษัทประกันทันทีแจ้งเหตุการณ์ให้บริษัทประกันทราบ โดยปกติจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบหน้างาน หรือแจ้งให้ไปที่อู่ในเครือเพื่อทำเรื่องเคลม
- เตรียมเอกสารเบื้องต้นได้แก่ สำเนาทะเบียนรถ กรมธรรม์ และบัตรประชาชน (กรณีไปที่อู่หรือศูนย์เอง)
เคลมรอยขูดสีมีค่าเสียหายส่วนแรกหรือไม่
ในบางกรณี บริษัทประกันอาจเรียกเก็บ ค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) โดยเฉพาะกรณีไม่มีคู่กรณีชัดเจน หรือเรียกว่า “เคลมไม่มีคู่กรณี”
โดยทั่วไป ค่าเสียหายส่วนแรกอยู่ที่ 1,000 บาทต่อเหตุการณ์ แต่บางกรมธรรม์อาจระบุว่า “ไม่เรียกเก็บ” ทั้งนี้ควรตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์ของคุณ
เคลมรอยขูดสีหลายครั้ง มีผลต่อเบี้ยประกันหรือไม่
การเคลมหลายครั้งในปีเดียวกัน อาจมีผลต่อการต่ออายุกรมธรรม์ในปีถัดไป เช่น
- บริษัทอาจพิจารณาเพิ่มเบี้ยประกัน
- หรือเสนอให้เป็นประกันแบบมีค่าเสียหายส่วนแรกทุกกรณี
ดังนั้นควรพิจารณาว่าแต่ละรอยคุ้มค่ากับการเคลมหรือไม่ โดยเฉพาะรอยขนาดเล็กที่สามารถขัดออกหรือซ่อมเองได้ในราคาถูก
สรุป
รถถูกขูดสีในที่จอดห้าง หากมีประกันชั้น 1 สามารถเคลมได้ แม้ไม่มีคู่กรณีชัดเจน
สิ่งสำคัญคือต้องเก็บหลักฐานให้ครบ แจ้งประกันทันที และเข้าใจเงื่อนไขการเคลมในกรมธรรม์ของตน
ส่วนผู้ที่ใช้ประกันชั้นอื่น อาจไม่ได้รับความคุ้มครองในกรณีแบบนี้ จึงควรประเมินความเสี่ยงและเลือกประกันให้เหมาะกับการใช้งานจริง